หากเราจะไปนำทรายเนื้อแก้วอันวิเศษล้ำค่าจากเชิงเขาสิเนรุมาโปรยลงในบริเวณบรรณศาลาของพี่ชายเรา ก็เป็นการเพียงพอที่จะให้พี่ชายอภัยโทษเราได้ แต่การกระทำอย่างนี้ก็ยังดูไม่งาม
หากเราจะไปนำน้ำมาจากสระอโนดาต มารดลงในบริเวณบรรณศาลาของพี่ชายเรา ก็จะพอยังพี่ชายให้อภัยโทษเราได้ แต่อย่างนี้ก็ยังดูไม่งาม
ถ้าเราจะพึงทำให้พี่ชายอภัยโทษเราได้ด้วยอำนาจเทวดาทั้งหลาย เราก็จะนำท้าวมหาราชทั้ง ๔ และท้าวสักกะมา ก็พอจะยังพี่ชายให้อภัยโทษได้ แม้อย่างนี้ก็ยังไม่งาม
เราควรไปนำพระราชาจากทั้ง ๑๐๑ นคร โดยมีมหาราชาผู้สูงสุดในชมพูทวีปเป็นประธานไปคาราวะพี่ชายของเรา เพื่อแสดงเป็นหลักฐานให้ท่านเห็นว่า เราสามารถทำให้โลกรวมเป็นหนึ่ง ยังประโยชน์ใหญ่ให้เกิดแก่มหาชนทั่วโลกได้สำเร็จแล้ว พี่ชายก็คงอภัยโทษให้เราได้ เมื่อเป็นเช่นนี้คุณงามความดีของพี่ชายเรา ก็จะแผ่ไปทั่วทั้งชมพูทวีป ดุจพระจันทร์และพระอาทิตย์
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฤๅษีตัมโพจึงเหาะไปด้วยฤทธิ์ ลงสู่ประตูราชนิเวศน์ของพระเจ้าอนันตวงศ์ ในโลหะมหานคร ผู้เป็นมหาราชแห่งชมพูทวีป ครั้นพระเจ้าอนันตวงศ์ทราบว่ามีพระดาบสมาขอเข้าเฝ้า พระองค์จึงจัดทั้งภัตตาหาร ข้าวสาร ผ้า และ หมากพลู ไปถวาย ทว่าพระฤๅษีตัมโพไม่รับสิ่งใดที่ทรงถวายให้ พร้อมแจ้งให้ผู้แทนพระองค์ที่นำสิ่งของมาถวายทราบว่า เราจักนำเอาราชสมบัติในชมพูทวีปทั้งสิ้นมาถวายแก่พระราชาของพวกท่านด้วยกำลังของเรา
เมื่อพระเจ้าอนันตวงศ์ทราบจุดประสงค์ในการมาเยือนของฤๅษีตัมโพ พระองค์ก็รู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก จึงนิมนต์ท่านดาบสมาเข้าพบพร้อมถามย้ำอีก ๒ ครั้งเพื่อความมั่นใจ
ฤๅษีตัมโพก็กล่าวยืนยันจุดประสงค์เดิมซ้ำไปอีก ๒ ครั้ง พระเจ้าอนันตวงศ์จึงฉุกคิดได้ว่า ดาบสผู้นี้ชะรอยจะไม่ได้มาเล่นๆ ท่านคงมีคุณวิเศษอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแน่แท้จึงได้กล้ายืนยันหนักแน่นถึงเพียงนี้ พระองค์จึงถามต่อว่า ท่านดาบสจะนำราชสมบัติจากทั่วชมพูทวีปมาให้พระองค์ได้อย่างไร
ฤๅษีตัมโพไม่พูดเยอะ กลับกล่าวเพียงว่า แม้แต่โลหิตสักหยดเราก็จะไม่ทำให้เกิดแก่ใครๆ ทั้งจะไม่กระทำให้ราชทรัพย์ของพระองค์ต้องสิ้นเปลืองด้วย เราจักถือเอาราชสมบัติทั้งชมพูทวีปด้วยฤทธิ์ ยกถวายแด่พระองค์ เพียงแต่ว่า การนี้ไม่ควรจะชักช้า พระองค์ควรรีบเตรียมการเสด็จเสียในวันนี้
พระราชาทรงเชื่อถ้อยคำของฤๅษีตัมโพ จึงแวดล้อมด้วยจตุรงคเสนาอันประกอบด้วยพลช้าง พลม้า พลรถ และพลเดินเท้า เป็นหมู่ใหญ่เสด็จออกจากพระนคร โดยมีพระดาบสปูแผ่นหนังโคดำเป็นบัลลังก์นั่งอยู่ในอากาศติดตามไป
หากว่าความร้อนเกิดขึ้นแก่หมู่เสนา ฤๅษีตัมโพก็เนรมิตให้มีเงากระทำให้ร่มเย็นด้วยฤทธิ์ของตน เมื่อฝนตกก็มิได้ตกลงเหนือหมู่เสนา ความร้อนและความหนาวทั้งหลายก็ถูกระงับไว้ บันดาลให้อันตรายทั้งหมดเป็นต้นว่า ขวากหนาม และตอไม้ในระหว่างทาง ให้อันตรธานสูญหายไปหมด กระทำหนทางให้ราบเรียบสิ้น
กองทัพใหญ่ของพระเจ้าอนันตวงศ์ลุมาถึงนครเอกปทุมเป็นแห่งแรกด้วยความรวดเร็วและราบรื่น พระองค์จึงสั่งให้หยุดพัดตั้งค่ายอยู่ไม่ไกลเมืองนัก แล้วจัดแจงส่งราชทูตเข้าไปทูลถามพระเจ้าเอกปทุมผู้ปกครองว่า จะยอมยกราชสมบัติให้พระองค์แต่โดยดีรึจะต้องให้สู้รบกันก่อน เมื่อพระเจ้าเอกปทุมทราบเรื่องจึงประกาศเตรียมไพร่พลทำศึกทันที
กองทัพของทั้ง๒ฝ่ายพร้อมอาวุธครบเคลื่อนเข้าหากัน พลธนูของแต่ละฝ่ายได้รับสัญญาณ ท้องฟ้าจึงถูกปกคลุมด้วยลูกธนูจำนวนมหาศาลจนมืดมิดไปทั่ว
ทันใดนั้น ฤๅษีตัมโพก็เนรมิตแผ่นหนังโคดำอันเป็นอาสนะของตนให้ขยายใหญ่ขึ้นกางกั้นระหว่างทัพทั้งสองฝ่าย คอยรับลูกธนูที่ถูกยิงทั้งหมดนั้น ทำให้ไม่มีใครถูกยิงเลยแม้คนเดียว กองทัพทั้ง ๒ ฝ่ายไม่อาจทำอันตรายต่อกันได้
ในที่สุด ทั้ง ๒ ฝ่ายจึงหยุดการรบและยืนดูอยู่เฉยๆ หลังจากใช้ลูกธนูที่มีอยู่จนหมดเกลี้ยงคลังสรรพาวุธกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฤๅษีตัมโพเห็นเช่นนั้น จึงเข้าพบพระเจ้าอนันตวงศ์และปลอบให้พระองค์สิ้นวิตก จากนั้นจึงไปเข้าพบพระเจ้าเอกปทุมพร้อมปลอบให้สิ้นวิตกและกล่าวว่า อันตรายใดๆจักไม่มีแก่พระองค์ ราชสมบัติของพระองค์ก็จะยังคงยังเป็นของพระองค์อยู่เหมือนเดิม ขอแค่พระองค์ทรงอ่อนน้อมแก่พระเจ้าอนันตวงศ์อย่างเดียวเพียงเท่านั้น พระเจ้าเอกปทุมได้ฟังเช่นนั้นจึงยอมรับเงื่อนไขโดยดุษฎี พระดาบสจึงพาพระองค์มาเข้าเฝ้าพระเจ้าอนันตวงศ์เพื่อแสดงความอ่อนน้อม พร้อมขอให้พระเจ้าเอกปทุมยังคงอยู่ในราชสมบัติตามเดิมด้วย
ด้วยความที่ได้พิสูจน์สัจจะของฤๅษีตัมโพมาด้วยตาตนเองแล้ว พระเจ้าอนันตวงศ์จึงทรงยอมรับเงื่อนไขนั้นแต่โดยดี และหลังจากทรงกระทำให้พระเจ้าเอกปทุมอยู่ในพระราชอำนาจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระเจ้าอนันตวงศ์จึงสั่งเคลื่อนกองทัพทั้งของพระองค์เองและของพระเจ้าเอกปทุมให้มุ่งหน้านครถัดไปในทันที
นครแล้วนครเล่า ด้วยอุบายเดียวของฤๅษีตัมโพ กองทัพของพระเจ้าพระเจ้าอนันตวงศ์และฝ่ายตรงข้าม ไม่มีใครได้เลืดตกยางออกจากการสู้รบเลยแม้แต่รายเดียว ในที่สุด นครทั้ง ๑๐๑ รอบชมพูทวีปก็ตกอยู่ในพระราชอำนาจของพระเจ้าอนันตวงศ์อย่างเบ็ดเสร็จ ราชาทั้ง ๑๐๑ นครได้เป็นบริวารของพระเจ้าพระเจ้าอนันตวงศ์โดยพร้อมเพรียงกัน
๗ ปีหลังจากที่พระเจ้าอนันตวงศ์เสด็จออกจากพระนคร บัดนี้พระองค์เสด็จกลับมาพร้อมกองทัพและกษัตริ์ของทั้ง๑๐๑นคร พระเจ้าอนันตวงศ์จึงจัดให้มีการเลี้ยงฉลองใหญ่โดยสั่งให้เหล่ากษัตริย์ทั้ง ๑๐๑ นำโภชนาหารและการแสดงต่างๆจากราชธานีของพวกตนทุกๆนครมาใช้จัดเลี้ยงในงานนี้ งานรื่นเริงถูกจัดติดต่อกันยาวนานแบบไม่มีกำหนดเลิกรา เหล่าอาณาประชาราษฎ์ล้วนตื่นตากับขบวนแห่อันแปลกประหลาดและสวยงามจากแดนไกลของทั้ง ๑๐๑ นครตลอดเวลาทั้งกลางวันกลางคืน เรียกได้ว่าสิ่งสวยงามตามนิยามของอารยธรรมต่างๆจากทั่วทุกมุมโลก ได้มารวมกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ความคิดเห็น